onemarketmaker

Keyword Research

การวิเคราะห์คำค้นหา

หัวข้อที่ 4 จะเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วนะครับ เพราะจะต้องเรียนรู้ในส่วนของพื้นฐานการวิเคราะห์คำค้นหา ขึ้นชื่อว่า Research ก็ดูเข้าถึงยากใช่ไหมล่ะครับ แต่.. รับประกันว่าถ้าค่อยๆปรับพื้นฐานไปพร้อมกับบทเรียนของเรา ทุกท่านจะไม่งงอย่างแน่นอน…

สารบัญ : Keyword Research

คำค้นหา หรือ Keyword มีความสำคัญมากที่สุดในการเริ่มต้นทำ SEO เหมือนการเริ่มร้อยเชือกรองเท้าผิดตั้งแต่แรก เท่ากับว่า ต้องกลับมาเริ่มต้นทำใหม่ ในการทำ SEO ก็เป็นเช่นนั้น ตราบใดที่เราไม่สามารถใช้คำค้นหา หรือ เริ่มต้นทำ SEO จากการไม่เข้าใจจุดประสงค์ของลูกค้าในตลาด การทำ SEO ในขั้นตอนต่อไป ที่ 2 3 4 ก็จะกลายเป็น 0 ในทันใด

Keyword Research คืออะไร

Keyword Research คือ กระบวนการสืบค้นคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณ โดยจะต้องเป็นคำค้นหาที่ผู้คนนิยมเลือกใช้บน Google Search เพราะการเลือกคำค้นหาที่ดี จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือ SERPs เมื่อมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเลือกใช้คำค้นหานั้น 

การวิเคราะห์คำค้นหา (Keyword Research) เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพราะจะช่วยให้คุณเลือกใช้คำค้นหาที่เหมาะสำหรับเว็บไซต์ของคุณ การทำวิเคราะห์คำค้นหาเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรทำการวิจัยคำหลักเป็นประจำ เพื่อหาคำค้นหาใหม่และคำค้นหาที่กำลังได้รับความนิยม กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า เว็บไซต์ของคุณจะปรากฏใน SERPs อยู่เสมอ ตลอดจนช่วยให้ธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น 

.

3 ปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมการวิเคราะห์คำค้นหา SEO ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีดังนี้

Keyword Research คือ

1. เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ค้นหา (Search Intent) 

search intent คือ

Search Intent คือ “จุดประสงค์ของผู้ใช้งาน” การที่ผู้ใช้งานมีเป้าหมายในการค้นหาบางอย่างที่พวกเขาสนใจบน Google ซึ่งเป้าหมายของการค้นหาเหล่านั้น สามารถจำแนกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 

  • Informational Intent : จุดประสงค์ของผู้คนที่ต้องการค้นหาข้อมูลในหัวข้อเฉพาะเจาะจง เช่น “วิธีทำผัดไทย” หรือ “วิธีจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น” เป็นต้น
  • Navigational Intent : จุดประสงค์ของผู้คนที่ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์แบบเฉพาะเจาะจง เช่น “เว็บไซต์ของ Google” หรือ “หน้าเพจของ Facebook” เป็นต้น
  • Commercial Intent : จุดประสงค์ของผู้คนที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการบางอย่าง เช่น “โทรศัพท์มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท” หรือ “โรงแรมในกรุงเทพฯ” เป็นต้น
  • Transactional Intent : จุดประสงค์ของผู้ค้นหาที่ต้องการดำเนินการบางอย่าง เพื่อให้การซื้อสินค้าหรือบริการที่พวกเขาสนใจสำเร็จ เช่น “จองตั๋วเครื่องบิน” หรือ “ซื้อของออนไลน์” เป็นต้น

การทำความเข้าใจเรื่อง Search Intent หรือ จุดประสงค์ของผู้ค้นหา เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำ SEO อย่างมาก เพราะจะช่วยให้นักการตลาดออนไลน์สามารถทำคอนเทนต์ของเว็บไซต์ได้ถูกทาง นอกจากนี้ ยังช่วยให้สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาหรือแคมเปญได้ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา กระบวนการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้กับธุรกิจของคุณได้ดีที่สุด

การวิเคราะห์ Search Intent

เทคนิคง่ายๆ ในการตรวจวิเคราะห์ดูประเภทของ Search Intent คือ “นำ Keyword ที่สนใจ นำไปตรวจเช็คได้ในหน้า ค้นหาของ Google แล้วดูว่าผลลัพท์ที่แสดงขึ้นมาส่วนใหญ่ เป็นอย่างไร? โดยดูจาก Title และเนื้อหาภายในของ Content นั้นๆ”

ดูตัวอย่างได้ทาง : คลิก

2. ปริมาณการค้นหา (Search Volume)

Search Volume คือ จำนวนครั้งของคำค้นหาที่ถูกใช้เพื่อค้นหาข้อมูลบน Google ปริมาณการค้นหา (Search Volume) เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดความยากของคำค้นหา รวมถึงความสามารถในการแข่งขัน โดยส่วนมาก Search Volume มักจะแสดงค่าเฉลี่ยแบบรายเดือน

ปริมาณการค้นหา (Search Volume) สามารถวัดได้โดยการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, Ubersuggest และ ของฟรีที่เป็น ส่วนขยายของ Google Chrome อย่าง Keyword Surfer เป็นต้น  

Search Volume คือ

ค่าปริมาณ Search Volume ที่โปรแกรมส่วนใหญ่โชว์ มักะเป็นค่าเฉลี่ยต่อเดือน โดยมีวิธีการคำนวน คือ นำปริมาณการค้นหา ย้อนหลัง 12 เดือน นำมา + รวมกัน แล้วก็ หารด้วย จำนวน 12 เดือน ก็จะได้เป็นค่าที่ โปรแกรมส่วนใหญ่แสดงผลลัพท์ให้เราทราบ”

ใช้ Google Trend เพื่อความชัวร์

Google Trend สามารถบอกเราได้ว่า Keyword เหล่านั้น หมดกระแสไปรึยัง เพราะ ถ้าเราไม่เช็คเทรนด์ เราอาจถูกหลอกได้จากการดู Search Volume เพียงแค่ค่าเดียว เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์คำค้นหา จะช่วยให้เราไม่หลงทาง และสามารถเลือกคำค้นหาที่สอดคล้องกับธุรกิจของคุณได้อย่างถูกจุดประสงค์ ตรงามเป้าหมายได้อย่างแน่นอนครับ

google trend

3. การทำแผนคำค้นหา (Keyword Mapping) 

Keyword Mapping คือ การวางแผนวิเคราะห์คำค้นหาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น  กระบวนการนี้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดคำค้นหาหลักและคำค้นหารองแบบเห็นภาพชัดเจนที่สุด คุณสามารถนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ปรับปรุงการวางโครงสร้างหน้าเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญรองลงมาจากการทำ Keyword Research 

Keyword Mapping เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงคำค้นหาหลักกับหน้าเพจเว็บไซต์ของคุณให้สอดคล้องกัน เพื่อให้เป็นไปตามหลัก SEO ที่ถูกต้อง กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการกำหนดคำค้นหาหลักให้ตรงกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ โดยการระบุวิธีใช้คำค้นหาหลักบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งการทำ Keyword Mapping มีประโยชน์หลายประการ เช่น 

  • ช่วยให้คุณเลือกใช้คำค้นหาที่สอดคล้องกับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณได้อย่างถูกต้อง
  • ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รู้จักกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณได้ตรงประเด็น  

โดยสรุปแล้ว ทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้นล้วนมีผลต่อการทำ Keyword Research ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดเป้าหมายของเว็บไซต์ในกระบวนการทำ SEO เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า หากเลือกใช้คำค้นหา (Keyword) ผิด หรือไม่ทำตามหลักการที่ถูกต้อง ก็เปรียบเหมือนการติดกระดุมเม็ดแรกผิด อาจจะส่งผลเสียมหาศาลได้ในทันทีหรืออาจสร้างความเสียหายระยะยาวที่ยากจะแก้ไข.. แต่แก้ได้นะครับ ผมรับแก้ : คลิก