onemarketmaker

Technical SEO

ด้านเทคคนิค ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำอันดับ

สารบัญ : Technical SEO

Technical SEO คืออะไร

Technical SEO คือ กระบวนการที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณพร้อมสำหรับการค้นหา โดยทำให้เว็บไซต์ใช้งานสะดวกและเครื่องมือค้นหาเข้าใจง่าย ซึ่งปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ มีดังนี้

5 องค์ประกอบ ด้านเทคนิค SEO

ที่จะช่วยให้เว็บไซต์คุณพร้อมสำหรับการทำ SEO และมีประสิทธิภาพเพื่อไปต่อสู้ช่วงชิงอันดับกับคู่แข่งในหน้าค้นหา Google

sitemap.xml

1. Sitemap.xml

Sitemap.xml คือ ไฟล์ที่มีหน้าที่บอกเครื่องมือค้นหาว่า โครงสร้างเว็บไซต์ของคุณเป็นอย่างไร เนื่องจาก Sitemap จะช่วยให้ Google ทำการค้นหาเกี่ยวกับหน้าเพจทั้งหมดของเว็บไซต์คุณ ซึ่งไฟล์ประเภทนี้ จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถจัดทำดัชนี (การเก็บข้อมูล) หน้าเพจของคุณได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีสร้างไฟล์ Sitemap.xml

ปัจจุบันหากคุณใช่ WordPress ในการทำเว็บไซต์ เพียงติดตั้ง Plugin SEO เท่านั้น ซึ่งปลั๊กอินที่นิยมใช้กันอย่างมาก มี 2 ตัว สามารถดูวิธีการตั้งค่าได้ทางลิ้งที่แนบไว้ให้ได้เลยครับ

  1. Rankmath : https://rankmath.com/kb/configure-sitemaps/
  2. Yoast : https://yoast.com/help/xml-sitemaps-in-the-wordpress-seo-plugin/

หรือ หากไม่ได้ทำเว็บด้วย ก็สร้างไฟล์ขึ้นมาเอง แล้วอัพโหลดขึ้นไปในส่วน Folder หลักของตัวเว็บไซต์ (public_html) > xml-sitemaps.com

2. Robot.txt

Robot.txt คือ ไฟล์ข้อความที่บอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้าใดบนเว็บไซต์ของคุณไม่ควรจัดทำดัชนีหรือเรียกดู ซึ่งไฟล์ประเภทนี้มักใช้เพื่อซ่อนหน้าเพจส่วนตัวหรือหน้าเพจที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ตลอดจนอนุญาตให้ Google Search เข้ามาเก็บข้อมูลได้ จึงเป็นกระบวนการลำดับต้น ๆ ที่ควรทำ 

วิธีสร้างไฟล์ Sitemap.xml

เช่นเดียวกับการสร้าง Sitemap หากคุณสร้างเว็บด้วยระบบ WordPress สามารถตั้งค่าได้จากตัวปลั๊กอิน แต่ไม่ได้ใช้ก็สามารถสร้างได้จากเว็บ > https://www.seoptimer.com/robots-txt-generator
 
mobile friendly

3. Mobile-Friendly and Responsive Design

Mobile-Friendly and Responsive Design คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้พร้อมใช้งานกับอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่น ๆ โดยจะต้องตอบสนองได้ดีกับหน้าจอสมาร์ตโฟนทุกขนาด  

page speed

4. Page Speed Insights

Page Speed Insights คือ เครื่องมือฟรีจาก Google ใช้สำหรับวัดความเร็วของเว็บไซต์คุณ โดยจะมีผลทางตรงในการจัดทำอันดับ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์

5. Schema Markup

Schema Markup รูปแบบของโค้ดที่ช่วยจัดการข้อมูลบนเว็บไซต์ของคุณ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดีขึ้นว่าเป็นเนื้อหาประเภทใด เช่น บทความข่าวสาร บทความวิชาการ ร้านค้า รูปภาพ หรือบทความรีวิว เป็นต้น

และจบไปแล้วครับ สำหรับ 9 บทเรียน สำหรับการเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตนเอง หลังจากนี้ก็คงจะต้องให้ทุกท่านนะสิ่งที่ท่านได้รับ ไปต่อยอดในมุมการปฏิบัติบ้างแล้วล่ะครับ ซึ่งก็สามารถติดตามในส่วนของ SEO Intermediate ได้ทาง : SEO TOPRANK ที่มาในรูปแบบของคอร์สเรียนออนไลน์ และ SEO Advanced ที่เรียนแบบตัวต่อตัว ขั้นสูงกับผู้เชี่ยวชาญ