onemarketmaker

5 ความแตกต่าง ระหว่าง SEM & SEO เทียบกันให้เห็นแบบหมัดต่อหมัด

SEM คือ Search Engine Marketing และ SEO คือ Search Engine Optimization ทั้งสองเป็นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มีความเกี่ยวข้องกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน คือ เพื่อเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา Googleแต่อย่างไรก็ตาม SEM และ SEO ก็มีความแตกต่างกันมากในเรื่องของกระบวนการ

SEM กับ SEO แตกต่างกันอย่างไร ?

สำหรับท่านใดที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ SEM และ SEO สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ตาม Link ด้านล่างนี้นะครับ


1. Paid vs. Organic (รุก & ตั้งรับ)

SEM คือ การทำโฆษณาที่มีการเสียค่าใช้จ่าย เช่น Google Ads ซึ่งผู้ลงโฆษณาจะต้องจ่ายเงินในรูปแบบของการเสนอราคา (ฺBid) เพื่อให้ได้มีอันดับ โดยหากมีคู่แข่ง หรือ เพื่อนร่วมธุรกิจต้องการทำโฆษณามาก ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูงตาม ส่วนการคิดค่าใช้จ่าย จะใช้หลัก PPC คือ Pay Per Click

ในทางตรงกันข้าม SEO มุ่งเน้นไปที่การปรับเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ผู้ค้นหาจะได้รับ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหา Google ทั่วไป แบบไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับการคลิกใด ๆ


2. Timing : ระยะเวลาหวังผล

SEM สามารถให้ผลลัพธ์ได้ในทันที เนื่องจากสามารถสร้างและแสดงโฆษณาได้ทันทีที่เปิดตัวแคมเปญ เพราะมีการเสียค่าใช้จ่ายให้กับเครื่องมือค้นหา ในขณะที่ SEO มักถูกเลือกให้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในระยะยาว ที่อาจใช้เวลาหลายเดือน หรือ อย่างน้อย 3 – 6 เดือนในการเริ่มต้น จึงจะเห็นผล แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อให้โฆษณาแสดง


3. Cost : ต้นทุน

SEM ต้องใช้งบประมาณในการทำโฆษณา และมีต้นทุนต่อคลิกที่อาจแตกต่างกันไป ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับการแข่งขันในตลาด สำหรับ SEO แม้ว่าจะฟรี แต่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรด้านอื่น เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเนื้อหา การวางโครงสร้างของเว็บไซต์ และ เทคนิคต่าง ๆ


4. Conversion rates : การแปลงค่า

แม้ว่าทั้ง SEM และ SEO ต่างก็มีเป้าหมายในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ แต่โดยทั่วไปแล้ว SEM จะมีอัตรา Conversion ที่สูงกว่า เนื่องจากโฆษณากำหนดเป้าหมายไปยัง Keyword เฉพาะที่ผู้ใช้กำลังค้นหาอยู่ได้ชัดเจนกว่า


5. Fact : ข้อเท็จจริง

เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน คือ การทำทั้ง SEM และ SEO ควบคู่ไปด้วยกัน อย่าง SEM ช่วย Push โฆษณาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ซึ่งแลกมาด้วยงบการตลาดที่สูง ทำ=ได้ , ไม่ทำ=ไมไ่ด้ส่วน SEO ก็คือ การทำการตลาดแบบตั้งรับ เพราะเราไม่จำเป็นต้องขายของให้เฉพาะผู้ที่มีความต้องการชัดเจนเท่านั้น SEO สามารถทำหน้าที่ได้ตั้งแต่ในขั้นตอนเริ่มต้นที่ลูกค้าเริ่มให้ความสนใจ , การสร้างแบรนด์ให้น่าเชื่อ , การนำเสนอแบรนด์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนแต่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าทั้งสิ้น

โดยรวมแล้ว SEM และ SEO ต่างก็เป็นกลยุทธ์ ที่สามารถใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มยอดการมองเห็นให้กับเว็บไซต์ และเพิ่มปริมาณการเข้าชมได้อย่างดี แม้ว่า SEM จะให้ผลลัพธ์ได้ในทันที แต่.. SEO ก็สามารถให้ผลลัพธ์ได้อย่างยั่งยืนมากกว่า

บทความล่าสุด