รูปแบบการค้นหา
จากที่ทักท่านเข้าใจในเรื่องของ Keyword แล้ว ก็มาต่อเรื่องของรูปแบบของการค้นหา เพราะ 2 สิ่งนี้ ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกัน และร่วมกันเสมอ ไปลุยกันเลยครับ…
การค้นหา หมายถึง การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น บทความ เว็บไซต์ รูปภาพ วิดีโอ ฯลฯ ซึ่งการค้นหาข้อมูลเหล่านี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น พิมพ์คำค้นหาใน Google Search เป็นต้น
Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Google, Bing, Yahoo! และ Baidu เครื่องมือค้นหาเหล่านี้จะทำการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต แล้วจัดอันดับเว็บไซต์ โดยอิงจากหลายปัจจัย เช่น ความเชื่อมโยง คุณภาพเนื้อหา และจำนวนลิงก์ที่เชื่อมกับเว็บไซต์
เมื่อคุณค้นหาข้อมูลใน Google Search กูเกิลจะแสดงข้อมูลเว็บไซต์ที่ตรงกับคำค้นหาของคุณ คุณสามารถคลิกเข้าไปดูข้อมูลของเว็บไซต์ใดก็ได้ในรายการที่ปรากฏ นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งการค้นหา โดยเลือกใช้คำค้นหาที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากขึ้น รวมถึงใช้ตัวกรองต่าง ๆ เช่น ภาษา สถานที่ และวันที่ เข้ามาช่วยได้
การใช้ Google Search เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก คุณสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว ตลอดจนช่วยให้คุณค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลกได้อีกด้วย
.
.
Search Query คือคำค้นหาที่ผู้ใช้พิมพ์ลงในช่อง Google Search โดยกูเกิลจะใช้ Search Query เพื่อค้นหาเว็บไซต์ที่ตรงกับคำค้นหา หลังจากนั้น กูเกิลจะแสดงรายชื่อเว็บไซต์ที่ตรงกับคำค้นหา
Query และ Keyword ทั้ง 2 คำมีความคล้ายกันตรงที่ใช้เพื่อ “สืบค้นข้อมูล” อย่างไรก็ตาม ก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย
หากคุณต้องการหาวิธีทำหมูกรอบ คุณอาจจะป้อนคำว่า “วิธีทำหมูกรอบ” ในช่องค้นหาของ Google ฉะนั้น คำว่า “วิธีทำหมูกรอบ” จึงเป็น Query ของตัวอย่างนี้
ในกรณีของคำว่า “Keyword” เจ้าของเว็บไซต์อาจเลือกใช้คำว่า “วิธีทำหมูกรอบ” เป็นคำค้นหา โดยจะใส่คำนี้ไว้ในชื่อเว็บไซต์, หัวข้อ, เนื้อหา และคำอธิบายหน้าเว็บ เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำว่า “วิธีทำหมูกรอบ” เว็บไซต์ของพวกเขาก็จะปรากฏในผลการค้นหาของ Google
จึงสรุปได้ว่า “Query” ก็คือคำค้นหาที่ผู้ใช้ป้อนใน Google Search ส่วนคำว่า “Keyword” คือคำค้นหาที่เจ้าของเว็บใช้เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของพวกเขาให้ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้งานนั่นเอง
.
ในการทำ SEO ให้ติดอันดับบน Google นอกเหนือจากการใช้ “ข้อความ (Text)” สำหรับค้นหาข้อมูลแล้ว ยังมีอีก 3 วิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
การค้นหาด้วยรูปภาพ (Image Search) เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณค้นหารูปภาพบนอินเทอร์เน็ตได้ คุณสามารถใช้คำค้นหาเพื่อหารูปภาพที่ต้องการ เช่น หากคุณกำลังหารูปภาพของสุนัข คุณอาจจะพิมพ์คำว่า “รูปภาพสุนัข” ใน Google Search จากนั้น Google จะแสดงผลการค้นหาเป็นรายการรูปภาพของสุนัขทั้งหมด
ในขั้นตอนการหารูปภาพ คุณสามารถปรับแต่งผลการค้นหาโดยใช้ตัวกรองต่าง ๆ เข้ามาช่วยได้ เช่น ประเภท ขนาด และสีของรูปภาพ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ตัวกรองเพื่อค้นหารูปภาพที่มีลิขสิทธิ์และไม่มีลิขสิทธิ์ได้ด้วย
Voice Search คือกระบวนการค้นหาข้อมูลด้วยเสียง คุณสามารถค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตโดยการใช้เสียงของคุณผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ลำโพงอัจฉริยะ สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์
Voice Search คือเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการค้นหาข้อมูลด้วยวิธีการง่าย ๆ และรวดเร็ว นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ Voice Search ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถพิมพ์ข้อความได้ เช่น ตอนกำลังขับรถหรือตอนทำอาหาร เป็นต้น
การค้นหาข้อมูลด้วย Voice Search คุณจะต้องพูดคำค้นหาให้ชัดเจน โดยอาจจะพูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ เมื่อ Google เข้าใจคำค้นหาแล้ว จะแสดงผลการค้นหาที่ตรงกับคำพูดของคุณ
Local Search คือกระบวนการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตแบบจำกัดพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารในกรุงเทพฯ คุณอาจจะพิมพ์คำว่า “ร้านอาหารในกรุงเทพ” ใน Google Search จากนั้น กูเกิลจะแสดงผลการค้นหาเป็นรายชื่อร้านอาหารในพื้นที่ของกรุงเทพฯ
Local Search คือเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังค้นหาธุรกิจหรือบริการเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องการ คุณสามารถใช้ Local Search เพื่อค้นหาข้อมูลสถานที่ต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรม ฯลฯ
การค้นหาข้อมูลด้วย Local Search คุณสามารถปรับแต่งผลการค้นหาโดยใช้ตัวกรองต่าง ๆ มาช่วยได้ เช่น ประเภทของธุรกิจ ระยะทางจากตำแหน่งปัจจุบันของคุณ และคะแนนรีวิว เป็นต้น
Vertical Search เครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับการค้นหาข้อมูลแบบเจาะจงหัวข้อหรือหมวดหมู่นั้น ๆ โดยเฉพาะ คุณสามารถใช้ Vertical Search เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ธุรกิจ และข่าวสาร
เมื่อเทียบกับเครื่องมือค้นหาทั่วไป ดูเหมือนว่า Vertical Search มีแนวโน้มจะให้ผลการค้นหาที่เฉพาะเจาะจงและมีความเกี่ยวข้องมากกว่า ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ Vertical Search จะแสดงเฉพาะเว็บไซต์ที่ขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
Vertical Search มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากผู้คนต้องการค้นหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงหัวข้อหรือหมวดหมู่มากขึ้น
เมื่อลูกค้าค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจของพวกเขาจะไปปรากฏในผลการค้นหา ด้วยเหตุนี้เอง Vertical Search จึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
ค้นหาข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง
ค้นหาข้อมูลโรงแรมและที่พัก
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบิน
ข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อการทำ SEO เป็นอย่างมาก เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าตอนนี้ผู้คนกำลังสนใจเรื่องอะไร เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปปรับแต่งเว็บไซต์ของตัวเองให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยดูจากผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณจากคำค้นหาใดบ้าง